วันที่ 28 พฤศจิกายน 2,552
WWW (World Wide Web) คืออะไร
- มีชื่อเรียกหลายแบบได้แก่ WWW, W3 หรือ Web
- เป็นระบบสืบค้นข้อมูลข่าวสารในอินเทอร์เน็ตที่นิยมมากและแพร่หลายที่สุด
- ข้อมูลจะถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่มากมายผู้ต้องการใช้สามารถเข้าไปสืบค้นดูเองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- ข้อมูลในเวิลด์ไวด์เว็บจะอยู่ในแบบมัลติมีเดียที่มีทั้งตัวอักษรรูปภาพเสียงภาพเคลื่อนไหวแบบวิดีโอ
- โปรแกรม Internet Explorer-Internet Explorer เป็นเว็บเบราว์เซอร์ของบริษัทไมโครซอฟท์พัฒนามาจาก NCSA โมเสกเช่นเดียวกับ Netscape Navigator
- มีประสิทธิภาพสูงใช้ง่ายมีฟังก์ชันการทำงานครบคล้ายกับโปรแกรม Netscape Navigator
- เป็นโปรแกรมที่จัดให้มาพร้อมกับโปรแกรม Windows
- เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด
การเปิดเว็บไซต์ต้องการที่
- การไปยังเว็บที่ต้องการทำได้หลายวิธี
- คลิกที่ช่อง Address พิมพ์ URL ที่อยู่ของเว็บไซต์ที่ต้องการติดต่อแล้วกด Enter
- IE จัดเก็บอยู่ที่เคยติดต่อหลังสุด 15 แห่งไว้เราสามารถเรียกมาใช้ใหม่ได้จากการคลิกปุ่มสามเหลี่ยมทางขวาของช่องที่อยู่
- จากเมนู File เลือกคำสั่ง Open URL พิมพ์ที่อยู่ของเว็บไซต์ที่ต้องการติดต่อแล้วกด Enter หรือคลิกปุ่ม Open
เครื่องมือค้นหา
- Search Engine เป็นโปรแกรมช่วยค้นข้อมูลบน WWW โดยผู้ใช้กรอกคำวลีหรือประโยคที่เราต้องการค้น (Keyword)
- มีผู้จัดสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ช่วยค้นสิ่งที่ต้องการได้ง่ายสะดวกและรวดเร็ว
- เครื่องมือค้นหาในจะมีโปรแกรมที่เรียกว่า crawlers กลไกหรือแมงมุมหรือทำหน้าที่รวบรวม URL ของเว็บเพจบนอินเทอร์เน็ตมาเก็บไว้ในฐานข้อมูลของตนเมื่อพบเว็บเพจใหม่ที่ยังไม่มีโดยอัตโนมัติ
- เครื่องมือค้นหาควรใช้หลายโปรแกรมร่วมกันเนื่องจากแต่ละโปรแกรมมีวิธีสืบค้นข้อมูลต่างกัน
การสืบค้นข้อมูลในเครือข่ายเวิลด์ไวด์เว็บ
- ข้อมูลที่สามารถสืบค้นได้อาจเป็นแฟ้มรูปภาพแฟ้มภาพเคลื่อนไหวแฟ้มข้อมูลเสียงแฟ้มข้อมูลเอกสารประเภทต่างๆได้แก่เอกสาร HTML เอกสาร Word เอกสาร pdf หรือแฟ้มข้อมูลประเภทๆอื่น
- เมื่อผู้ใช้ต้องการค้นข้อมูลเรื่องใดก็เพียงแต่สร้างการเชื่อมต่อไปยังเว็บของผู้ให้บริการสืบค้นข้อมูล (Search Engine) และพิมพ์คําสําคัญ (Keyword) ที่ต้องการใช้ในการค้นหา
- โปรแกรมสืบค้นจะทําการตรวจสอบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่และรายงานผลเป็น URL ที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งตัวอย่างข้อความของเอกสารเว็บที่อยู่ใกล้กับคําสําคัญนั้น
การสร้างลิงก์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Microsoft Excel
การจัดแบ่ง Sheet หรือ File เพื่อจัดเก็บตารางข้อมูล
ในสมุดงานหรือ File สามารถแบ่งเป็นแผ่นได้ไม่จำกัดขึ้นกับหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซึ่งช่วยจัดแบ่งฐานข้อมูลออกเป็นเรื่องต่างๆแยกออกจากกันตารางข้อมูลต่างเรื่องแยกเก็บลงในต่างแผ่นกันถ้า File ที่จัดเก็บข้อมูลมีขนาดใหญ่มากก็สามารถแยกเก็บในแผ่นของต่าง File กันผู้ที่คุ้นเคยกับการ Link ข้อมูลใน Excel จะทราบดีว่าไม่ว่าข้อมูลจะเก็บไว้ในต่าง Sheet หรือต่าง File กันก็ตามเราสามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นและสร้างสูตร Link กันได้เหมือนกับว่าข้อมูลทั้งหมดอยู่ในแผ่นเดียวกันนั่นเองเมื่อใดจะแยกเก็บข้อมูลต่างแผ่นกันและเมื่อใดจะแยกขึ้น File ใหม่ขอให้ดังนี้พิจารณา
1. เก็บตารางข้อมูลลงไปในแผ่นแยกกันตามตารางฐานข้อมูลซึ่งจำเป็นตามหลักสัมพันธ์ฐานข้อมูลให้ใช้แผ่นหนึ่งสำหรับเก็บตารางข้อมูลเรื่องเดียวเท่านั้น
2. อย่าแยกไฟถ้าไม่จำเป็น
3. บันทึกข้อมูลติดต่อกันลงไปในตารางข้อมูลเรื่องหนึ่งในแผ่นหนึ่งๆเรื่อยไปอย่าแยกแผ่นถ้าไม่จำเป็นเช่นบันทึกรายการขายสินค้าทั้งปีลงไปในแผ่นเดิมโดยไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกแผ่นจัดเก็บข้อมูลออกเป็นรายเดือนเป็นแผ่นใดละเดือนแต่อย่าง
4. ถ้าข้อมูลในตารางข้อมูลเรื่องหนึ่งๆมีปริมาณมากให้เลือกแยกไฟล์ดีกว่าแยกแผ่นเพื่อช่วยลดปริมาณข้อมูลซึ่งต้องเปิดขึ้นมาใช้งานพร้อมกันในแต่ละครั้ง
วิธีบริหารจัดการ Link
ประโยชน์จากการ Link ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือช่วยให้ไม่ต้องบันทึกข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำอีกแทนที่จะต้องเตรียมข้อมูลเรื่องเดียวกันไว้ทุกชีทขอเพียงสร้างตารางฐานข้อมูลส่วนกลางไว้ในชีทหนึ่งจากนั้นจึงสร้างสูตร Link นำข้อมูลไปใช้ที่ใดต่อก็ได้แถมไม่จำเป็นต้องเปิดไฟล์ต้นทางขึ้นมาใช้พร้อมกับไฟล์ปลายทางข้อมูลก็ยังมีให้ใช้งานเมื่อสร้างสูตรลิงก์ข้ามไฟล์เป็นแล้วผู้ใช้ Excel จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ต่อเมื่อเข้าใจถึงที่ไปที่มาของข้อมูลในระบบการ Link ภายในโปรแกรม Excel และตัวผู้ใช้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานใหม่ให้เข้ากับระบบการ Link ด้วยอีก
ภาพอ้างอิง
http://www.welovebug.com/wp-content/uploads/2008/06/search-engines-uk.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น